บทความรู้นี้ทางร้านจะอธิบาย “ชนิดของกล้องดูดาว” ให้กับลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อกล้องดูดาว แต่ยังไม่มีความรู้เรื่องชนิดของกล้องดูดาว ในบทความนี้จะใขข้อสงสัยให้กับนักดูดาวมือสมัครเล่นให้เข้าใจกันครับ
กล้องดูดาวแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1. กล้องดูดาวแบบหักเหแสง

กล้องดูดาวชนิดหักเหแสง เป็นกล้องดูดาวระบบพื้นฐานมากที่สุด คิดค้นและกำเนิดจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อว่า กาลิเลโอและได้ถูกพัฒนาพัฒนาให้สมบูรณ์โดยนักดาราศาสตร์ชื่อว่า เคพเลอร์ กล้องดูดาวชนิดหักเหแสง นี้ใช้เลนส์นูนสองชิ้น ส่วนใหญ่จะมีขนาดหน้ากล้องไม่ใหญ่มากนักเพราะถ้ายิ่งหน้ากล้องใหญ่เท่าไหร่เลนส์ก็จะใหญ่ตามไปด้วยและจะมีน้ำหนักมากตามไปด้วย และเนื่องจากกล้องดูดาวชนิดนี้สร้างง่ายที่สุดในบรรดากล้องดูดาวทั้งสามชนิด ราคาของกล้องดูดาวแบบหักเหแสงนี้ก็ถูกที่สุดด้วย ปกติจะอยู่ที่หลักร้อย – หลักหมื่นต้นๆ แต่แลกมาด้วยคุณภาพแสงที่ต่ำ รายละเอียดสีเพี้ยนไม่ชัดเจน จึงสามารถส่องได้ดีแค่พวกดาวเคราะห์และดวงจันทร์เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นนักดูดาวมือใหม่ และ ผู้ที่มีงบประมาณที่จำกัด
2. กล้องดูดาวแบบสะท้อนแสง

กล้องดูดาวแบบสะท้อนแสงผลิตคิดค้นและพัฒนาโดย เซอร์ไอแซค-นิวตัน ใช้กระจกเว้าและเลนส์นูน กล้องดูดาววแบบสะท้อนแสงดีกว่ากล้องดูดาวแบบหักเหแสงแบบแรก ภาพที่ได้สว่างและคมชัดกว่า แต่ลำกล้องจะออกไปในทางอ้วน ป้อม ไม่ยาวเล็กเหมือนกล้องดูดาวแบบแรก และภาพอาจมีกลับหัวได้ แต่ก็ยังให้ภาพที่สว่างกว่ากล้องดูดาวแบบหักเหแสง เพราะแสงของวัตถุมีการวิ่งไปกลับอยู่ในกล้องทำให้ประหยัดความยาวของลำกล้องได้ ราคาของกล้องดูดาวชนิดนี้สูงขึ้นมาอีกขั้น อย่างถูกๆคือหมื่นต้นๆและไปได้ถึงหลายหมื่นครับ
3. กล้องดูดาวแบบแคสสิเกรน(กล้องดูดาวแบบผสม)

กล้องดูดาวแบบผสม ยังมีอีกสองชนิดย่อยคือ ชมิดท์ แคสสิเกรน และแบบ แมคซูทอฟ แคสสิเกรน แต่หลักการทำงานเหมือนๆกัน คือใช้กระจกสองชิ้น กับเลนส์อีกหนึ่งชิ้น มีการสะท้อนแสงซับซ้อนกว่าแบบสะท้อนแสงของนิวตัน และทำให้ได้ความยาวโฟกัสมากกว่ามากด้วยเมื่อเปรียบเทียบกล้องดูดาวขนาดเท่าๆกัน และเนื่องจากเป็นกล้องดูดาวชนิดที่สร้างยากที่สุด มันจึงให้คุณภาพแสงสูงที่สุดและราคาที่แพงที่สุดไปอีกด้วย กล้องดูดาวแบบแคสสิเกรนมีราคาที่หลายหมื่นขึ้นไปจนเป็นแสนบาท
จากที่เห็นหลักการทำงานของกล้องดูดาว คุณสมบัติและรูปร่างไปแล้ว เราขอสรุปคุณสมบัติและหน้าตาของกล้องดูดาวแต่ละชนิดอีกทีว่าต่างกันตรงไหนบ้าง
เปรียบเทียบรูปร่างหน้าตากล้องดูดาวทั้ง 3 ชนิด
กล้องดูดาวแบบหักเหแสง : เล็กและยาว มีเลนส์อยู่ด้านหน้าและหลัง บางทีเลนส์ใกล้ตาจะมีการกระจกรูปตัว L เพื่อให้มองง่ายขึ้น
กล้องดูดาวแบบสะท้อนแสง : ใหญ่/อ้วนป้อม ตำแหน่งเลนส์ใกล้ตาจะอยู่ด้านข้างๆลำกล้อง
กล้องดูดาวแบบผสมแคสสิเกรน : อ้วนป้อม แต่ตำแหน่งมองอยู่ตรงตูดกล้องเหมือนแบบกล้องดูดาวหักเหแสง
ข้อมูลจาก Sport Camera
เปรียบเทียบราคากล้องดูดาวทั้ง3ชนิด
กล้องดูดาวหักเหแสง: เอื้อมถึงง่าย หลักพัน-หมื่น
กล้องดูดาวสะท้อนแสง: ต้องอัดฉีดเล็กน้อย หลักหมื่น-หลายหมื่น
กล้องดูดาวแคสสิเกรน: เพื่อคนกระเป๋าหนัก หลายหมื่น-หลายแสน
ข้อมูลจาก Sport Camera
เปรียบเทียบกล้องดูดาวสำหรับการพกพา/เดินทาง
กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง : มักจะน้ำหนักเบา ขาตั้งก็เบา แต่ลำกล้องยาว
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง : หนักพอควร-หนัก ขาตั้งกล้องอันใหญ่
กล้องโทรทรรศน์แบบแคสสิเกรน : หนักพอควร-หนัก ขาตั้งกล้องควรมี GPS ตามดาวในตัว
ข้อมูลจาก Sport Camera
ขาตั้งกล้องของกล้องดูดาวทั้ง 3 ประเภท
ขาตั้งกล้องของกล้องดูดาว ควรเป็นขาตั้งกล้องที่รับน้ำหนักได้ดี เพราะการจะใช้กล้องดูดาวเพื่อดูดาว หรืออื่นๆนั้น หากไม่มีขาตั้งกล้องที่รองรับน้ำหนักกล้องได้ดีก็จะเกิดภาพสั่น ยิ่งถ้ากล้องดูดาวราคาถูกๆ ขาตั้งกล้องไม่รองรับลูกตุ้มถ่วงน้ำหนัก ให้ยึดติดพื้นแล้วละก็ ส่องดูดาวอยู่ลมพัด ภาพก็สั่นแล้ว จึงแนะนำขาตั้งกล้องที่ดีๆรองรับลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักไว้ได้ หรือจะเป็นขาตั้งกล้องแบบตามดาวเลยก็ยิ่งดีครับ
ขอบเขตการมองเห็นของกล้องดูดาวทั้ง 3 ชนิด
กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง : รับแสงได้ต่ำ ความคลาดสูง เหมาะกับดาวเคราะห์และดวงจันทร์ เหมาะสำหรับผู้ดูด่วเริ่มต้น
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง : รับแสงดี ความคลาดต่ำ เหมาะกับทั้งดาวเคราะห์และวัตถุท้องฟ้าอื่นๆพวกเนบิวลา-กาแลคซี่
กล้องโทรทรรศน์แบบแคสสิเกรน : รับแสงดี ความคลาดต่ำ เหมาะกับวัตถุทุกประเภท แต่ราคาแพง ควรซื้อแบบมีขาตั้งกล้องสำหรับตามดาวด้วยจะคุ้มค่ามากๆ
ข้อมูลจาก Sport Camera
ขอขอบคุณบทความรู้จาก Sport Camera
